นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย เปิดใจโครงการเงินกู้ภาคท่องเที่ยวที่ประสานผ่านสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในส่วนของมัคคุเทศก์เพื่อพยุงตัวเองในระยะ 6 เดือนข้างหน้ายังคงมีปัญหา และอุปสรรคกับหลักเกณฑ์ของธนาคารออมสินแต่ละสาขาใช้ดุลพินิจไม่เหมือนกัน บางสาขายังยึดเงื่อนไขในสถานการณ์ปกติที่ยังคงนำมาใช้ยามวิกฤติ จึงขอฝากถึงหน่วยงานภาครัฐ และสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องช่วยพิจารณาผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ ให้เข้าถึงเงินกู้ภาคการท่องเที่ยวได้จริง
คุณวิโรจน์ สิตประเสริฐนันท์ นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตนเองเพิ่งได้รับหนังสือแต่งตั้งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของมวลชน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่48/2563 ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของมวลชนที่เกี่ยวข้องกับภารกิจหน้าที่ และอำนาจของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งก็ยังไม่มีการเรียกประชุมคณะกรรมการ อันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างไรก็ตาม ในฐานะนายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย ก็มีภารกิจในเรื่องการแก้ไขปัญหาของผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์อยู่แล้ว แต่ในส่วนขอบเขตของมวลชนตามภารกิจของคณะกรรมการชุดนี้ก็ยังไม่ทราบชัดเจน ซึ่งต้องรอให้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานกรรมการชุดนี้เรียกประชุม
สำหรับในส่วนของมัคคุเทศก์เองนั้น ตนเองก็ได้ติดตาม และวิเคราะห์ถึงปัญหา รวมถึงอุปสรรคในมาตรการเยียวยา 5,000 บาท ที่กลุ่มมัคคุเทศก์ไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างที่ควรจะเป็น ตามที่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้มีการแถลงข่าว อีกทั้งในเรื่องของการพยายามหาแนวทางให้มัคคุเทศก์ได้มีโอกาสที่จะเข้าถึงเงินกู้ภาคการท่องเที่ยวที่ผ่านทางธนาคารออมสิน ซึ่งทางสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพฯ ก็ได้ประสานงานร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แต่ก็พบกับปัญหา และอุปสรรคของการให้คำนิยามผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่มองข้ามผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์โดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ซึ่งล้วนประสบกับความเดือดร้อนไม่แตกต่างจากผู้ประกอบการอื่นทุกภาคส่วนของการท่องเที่ยว ที่ถือว่ามัคคุเทศก์เป็น 1 ใน 13 อาชีพของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับผลกระทบกับสถานการณ์ขณะนี้ด้วยเช่นกัน และเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่ช่วงระบาดภายนอกที่อู่ฮั่นของจีน จนระบาดมาในประเทศและทั่วโลกถึงปัจจุบัน
ในขณะนี้เรื่องเยียวยามาตรการ 5,000 บาท ก็คงจะสรุปกันไปแล้ว แต่มัคคุเทศก์ส่วนใหญ่ก็ยังคงได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาการเงินเพื่อยังชีพและเงินทุนเพื่อประกอบอาชีพอื่นทดแทน ดังนั้น จึงอยากขอให้มัคคุเทศก์ได้รับสิทธิในมาตรการเยียวยาภาคท่องเที่ยวในด้านเงินกู้ด้วยเงื่อนไขพิเศษตามสัดส่วน และความจำเป็นที่เหมาะสมในลักษณะสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้งบเงินกู้เดียวกัน เพราะการเยียวยาตามมาตรการ 5,000 บาท เป็นมาตรการเพื่อทุกสาขาอาชีพอิสระที่เฉลี่ยกันไป ซึ่งสิทธิดังกล่าวเป็นมาตรการสาธารณะที่ไม่ได้เลือกปฏิบัติให้กับมัคคุเทศก์โดยเฉพาะ จึงไม่นับว่าเป็นการช่วยเหลือมัคคุเทศก์โดยตรง อีกทั้งมัคคุเทศก์ส่วนใหญ่ ก็ยังไม่ได้อานิสงส์จากมาตรการดังกล่าวด้วย
ขณะที่รัฐได้มีนโยบายมาตรการเงินกู้เพื่อให้ผู้ประกอบการนำมาเพื่อพยุงการจ้างงานบุคลากรของตนเองเป็นสำคัญ เพราะในช่วงนี้ไม่ใช่เงินกู้เพื่อสร้างรายได้จากธุรกิจที่คงจะทำได้ยาก จึงสนับสนุนเงินกู้เพื่อมาพยุงหรือรักษาการจ้างงานบุคลากร หรือพนักงานของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่างๆ เอาไว้ประมาณภายในระยะเวลาหนึ่งหรืออย่างน้อย 6 เดือนข้างหน้า เพื่อไม่ให้พนักงานโดยเฉพาะระดับล่างตกงาน ซึ่งตรงกันข้ามกับมัคคุเทศก์ที่ไม่มีรายได้ และตกงานอยู่ก่อนแล้ว โดยที่ไม่มีผู้ประกอบการให้เงินเดือน หรือจ้างงานใดๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน นอกจากจะต้องพยุงตัวเองให้รอดจากวิกฤติครั้งนี้อย่างน้อย 6 เดือนข้างหน้าเช่นกัน แต่กลับไม่มีการกล่าวถึงในประเด็นของมัคคุเทศก์ ดังนั้น หากการท่องเที่ยวฟื้นกลับมาตามการคาดไว้ โดยผู้ประกอบการอยู่รอด แต่หากไม่ช่วยมัคคุเทศก์ เมื่อถึงตอนนั้นแล้วมัคคุเทศก์เหล่านี้จะอยู่ที่ไหน ซึ่งบุคลากรเหล่านี้ที่เสมือนเป็นทัพหน้าในการดูแลให้บริการนักท่องเที่ยวจะอยู่ที่ไหนและในสภาพเช่นใดหากไม่ช่วยพวกเขาให้อยู่รอดด้วยในขณะนี้ ดังนั้น พวกเขาเหล่านี้จึงมีความจำเป็นต้องการแหล่งเงินกู้ เพื่อมาพยุงตัวเอง และครอบครัว ซึ่งหากเมื่อการท่องเที่ยวกลับมา พวกเขาก็จะมีงาน มีรายได้ นำเงินมาคืนให้กับสถาบันการเงินได้เช่นเดียวกัน แต่ถ้าคิดว่าเขาไม่มีหลักประกัน นั่นก็หมายถึงผู้ประกอบการทั้งหลายก็ไม่มีหลักประกันด้วยหรือเปล่า ถ้าคิดมองว่าหากการท่องเที่ยวไม่กลับมาดีดังที่คาดหมาย พวกเขาจะนำเงินมาคืนได้อย่างไร นี่คือคำถามที่เจ้าหน้าที่ธนาคารบางสาขาได้ถามถึงหลักประกันในขณะไปยื่นเรื่องเพื่อขอกู้เงิน
ทั้งนี้ การกระจายความเสี่ยงให้กับผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์เป็นรายบุคคล น่าจะช่วยคิดพิจารณาเพราะเป็นแนวทางที่ช่วยคน ช่วยเศรษฐกิจ และสังคม รวมทั้งความเสี่ยงที่น้อยมากกับงบเงินกู้ที่ไม่ได้มากมายเท่าใด สำหรับสัดส่วนที่จะให้กับกลุ่มมัคคุเทศก์ จึงอยากฝากถึงหน่วยงานภาครัฐ และสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาอย่างจริงจังด้วย รวมทั้งคณะทำงานของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในเรื่องนี้ได้นำไปหารือกับทางผู้บริหารของธนาคารออมสินให้ชัดเจนและหาแนวทางให้กับมัคคุเทศก์และมัคคุเทศก์ที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวประเภทบุคคลธรรมดาด้วย