
กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ออกประกาศด่วน ตามคำสั่งของประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ให้หยุดการระบาดของโรคปอดสายพันธุ์ใหม่ หรือ “ไวรัสโคโรนา” อย่างเร่งด่วน และปกป้องชิวิตประชาชนดังนี้ 1.บริษัทนำเที่ยวทั่วประเทศหยุดดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยว หยุดขายตั๋วเครื่องบิน-โรงแรม ,2.ทัวร์ที่เดินทางจัดออกไปแล้ว ขอให้ดำเนินการให้เรียบร้อย แต่ต้องระมัดระวัง และคำนึงถึงสถานการณ์สุขภาพของนักท่องเที่ยวแต่ละคน ทุกหน่วยงานท้องถิ่นต้องตระหนักถึงความสำคัญเหตุการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้ และสนับสนุนนโยบายที่เกี่ยวข้องด้านบริการ และแก้ปัญหาหลังการขายให้สมเหตุสมผลต่อไป
โดย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า คาดว่าทางการจีนจะประกาศมาตรการยุติทำทัวร์ในเบื้องต้น เป็นระยะ 3 เดือนคือ ปัจจุบนไปสิ้นสุดในเดือนเมษายน 2563 ซึ่งจะกระทบการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลตรุษจีน จนถึงเดือนเมษายน ในลักษณะเดียวกับเมื่อปี 2546 ที่เกิดการระบาดของกรณีโรคซาร์ส ทางการจีนได้ประกาศมาตรการยุติการทำทัวร์เป็นระยะเวลา 3 เดือนเช่นกัน โดยประเมินผลกรทบจากกรณีว่า ปกติจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาประมาณ 2.7 ล้านคน ประเมินว่าในขณะนี้จากการระบาดที่ยังค่อนข้างรุนแรง และยังไม่สามารถหยุดการแพร่ระบาดได้ ไทยจะสูญเสียนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 70% หรือสูญเสียนักท่องเที่ยวไปประมาณ 1.89 ล้านคน แต่หากรัฐบาลจีนสามารถควบคุมการระบาดได้เร็วขึ้น อาจจะมีการประเมินผลเสียหายอีกครั้งหนึ่ง “จากสถานการณ์ปัจจุบันคงเข้าไปกระตุ้นตลาดจีนมากไม่ได้ เพราะเป็นความพยายามที่จะหยุดการแพร่กระจายของไวรัส และเป็นมาตรการป้องกันที่ควรกระทำในการหยุดการเดินทางทั้งหมดในจีน สิ่งที่ไทยจะต้องดำเนินการต่อจากนี้คือ การประชาสัมพันธ์มาตรการดูแลนักท่องเที่ยวในกรณีของการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส และดูแลนักท่องเที่ยวจีนหากตกค้างอยู่ในไทย เนื่องจากบางสายการบินหยุดบิน โดยเฉพาะเส้นทางเชื่อมกับเมืองอู่ฮั่น และเตรียมหาตลาดทดแทนนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งอาจจะหยุดเดินทางอย่างน้อย 3 เดือนต่อจากนี้”
ขณะที่ นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ทางการจีนสั่งให้บริษัทนำเที่ยวหยุดจัดทัวร์นำนักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกไปทั่วโลก รวมทั้งไทย อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่เดินทางออกไปเยี่ยมญาติ เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง(เอฟไอที) หรือมาทำธุรกิจ รวมทั้งจัดเดินทางกันเองยังเดินทางได้อยู่ แต่หากเป็นผู้ประกอบการทัวร์ ทางรัฐบาลจีนสั่งห้ามโดยเด็ดขาด ซึ่งก็หวังว่าจะมีระยะเวลาแค่ 1-2 เดือน ที่ทางการจีนจะสามารถควบคุมได้ ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร สำหรับผลกระทบต่อประเทศไทยจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนหายไปในช่วง 2 เดือนนี้ประมาณ 1.2-1.3 ล้านคน ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวหายไปประมาณ 48,000-52,000 ล้านบาท สำหรับในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีชาวจีนมาเที่ยว และอยู่ในไทยประมาณ 280,000 -300,000 คน ซึ่งไกด์ทัวร์จะดูแลลูกทัวร์อย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีอาการผิดปกติ ก็จะต้องนำส่งโรงพยาบาลอยู่แล้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะมากรุ๊ปสุดท้ายวันที่ 24 มกราคม 2563 แต่พอหลังจากวันที่ 25 มกราคมนี้ คงไม่มีกรุ๊ปทัวร์จีนมาไทย หรือออกนอกประเทศอีก ส่วนชาวจีนที่จ่ายเงินค่าทัวร์ไปแล้ว ทางผู้ประกอบการทัวร์ในจีนจะคืนเงินให้ทั้งหมด เพราะเป็นคำสั่งของรัฐบาล ซึ่งในตอนนี้ก็ต้องหวังว่า รัฐบาลจีนจะใช้ยาแรงแล้วได้ผล สามารถควบคุมไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ได้ เหมือนที่เคยคุมการระบาดของไข้หวัดซาร์ที่ระบาดในปี2547 ที่ใช้เวลาเพียง 3 เดือน
ทั้งนี้ ในช่วงปกติจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยเฉลี่ยเดือนละ 900,000 คน แต่หากคำสั่งนี้มีระยะเวลา 2 เดือน ปกติจะมีชาวจีนมาไทย 1.8 ล้านคน ครึ่งหนึ่งคือ 900,000 คน มากับบริษัททัวร์ ก็เท่ากับว่าส่วนนี้จะไม่มีเลย ส่วนอีกครึ่งที่เดินทางมาเอง ไม่ว่าจะมาเยี่ยมญาติ มาเที่ยวกันเอง หรือเป็นนักศึกษา ก็คงหายไปส่วนหนึ่ง โดยรวมคาดว่าจะหายไป 70% ของ 1.8 ล้านคนในช่วง 2 เดือนนี้ หรือประมาณ 1.2-1.3 ล้านคน ซึ่งปกติหากเข้ามาเที่ยวไทยจะมีสร้างรายได้เข้าประเทศเฉลี่ยรายละ 40,000 บาทต่อคน สำหรับผู้ประกอบการบริษัทท่องเที่ยวของไทย ต้องปรับตัวเพิ่ม หากตลาดนักท่องเที่ยวจีนจะหายไปตอนนี้ ด้วยการพุ่งเป้าหาตลาดใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น อาเซียน หรือซีแอลเอ็มวี ซึ่งประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม รวมไปถึง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะต้องเป็นหัวหอกในการนำทัพไปทำตลาดเหล่านี้อย่างหนักต่อไป