จากสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด ส่งผลกระทบในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยเฉพาะอาชีพมัคคุเทศก์ ซึ่งในวันนี้ นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย ได้ลงไปติดตามเรื่องนี้ ที่หน้าวัดพระแก้ว พร้อมด้วยผู้สื่อข่าวจากรายการ “ร้องทุกข์ลงป้ายนี้” พบว่ามีนักท่องเที่ยวลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ทีมข่าวรายการร้องทุกข์ลงป้ายนี้ ของทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้ตีแผ่เรื่องราวผลกระทบในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย หลังจากที่เกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งทางรายการได้เชิญคุณวิโรจน์ สิตประเสริฐนันท์ นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศการท่องเที่ยวบริเวณตึกแถว ถนนหน้าพระลาน ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของมหาวิทยาลัยศิลปากร แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยพบว่านักท่องเที่ยวบางตา ขณะที่ได้เจอมัคคุเทศก์ หรือไกด์ไทยเพียงไม่กี่คนที่ยังคงพานักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมพระบรมมหาราชวัง หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตามปกติ ก่อนที่จะเดินสำรวจ และพูดคุยกับผู้ค้าในย่านดังกล่าวที่ค้าขายเสื้อผ้า และเครื่องดื่มต่างๆ ให้แก่กลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งทางผู้ค้าให้ข้อมูลว่า จากสถานการณ์โรคโควิด-19 ส่งผลกระทบทำให้นักท่องเที่ยวหายไปจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นกลุ่มหลัก โดยส่งผลให้ปัจจุบัน ขายของ และสินค้าได้ในปริมาณที่น้อยมาก ยอดขายหายไปกว่า 90% และนอกจากนี้ยังพบว่ามีบางร้านค้าที่ปิดกิจการไปชั่วคราวแล้ว จึงอยากให้สถานการณ์กลับคืนมาโดยเร็ว และอยากให้รัฐบาลเร่งควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่อนี้
โดยนายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย ระบุว่า จากสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ก็ได้ส่งผลให้กลุ่มมัคคุเทศก์ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่างงาน เพราะนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยจำนวนลดลงอย่างสุดๆ ขณะที่ข้อเสนอในการช่วยเหลือกลุ่มมัคคุเทศก์ อยากให้รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาทางการเงินเร่งด่วน อาทิ การให้สถาบันการเงินปล่อยเงินกู้แก่ผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ รวมทั้งลดเงื่อนไขในการกู้เงินของกลุ่มมัคคุเทศก์ ซึ่งเป็นอาชีพอิสระ โดยให้ยกเว้นหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ให้ บสย.ค้ำประกันให้ในวงเงินไม่เกินรายละ 200,000 บาท ซึ่งอยากให้มีความชัดเจนในเร็ววัน และอยากให้รัฐบาลเร่งควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งกระทบเป็นวงกว้างอยู่ในขณะนี้
ส่วนภาพรวมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทย ทางคุณชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 การท่องเที่ยวของไทยมีตัวเลขที่เป็นบวก แต่เมื่อเกิดโรคระบาด ที่เริ่มเกิดขึ้นจากประเทศจีนปิดประเทศ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวลดลงอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนเหลือไม่ถึง 10% จากสถานการณ์ที่กระทบเป็นวงกว้าง ซึ่งขอเสนอรัฐบาลว่าหากจำเป็นต้องปิดประเทศเพื่อควบคุมสถานการณ์ก็ควรที่จะดำเนินการ
ส่วนในด้านการช่วยเหลือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของรัฐบาล ที่มีนโยบายผ่าน คณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เห็นชอบหลักการมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ และประชาชนจากสถานการณ์โควิด-19 ประกอบด้วย 4 มาตรการการเงิน 4 มาตรการภาษี สำหรับผู้ประกอบการ ทางสภาฯ เห็นว่านโยบายดังกล่าวยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะมีการประชุมหารือกับทางสมาคมต่างๆ ทั้ง 13 สมาคม เพื่อเฝ้าระวังผลกระทบ และร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลกระทบโดยตรงต่อร้านค้าแผงลอยภายในถนนข้าวสาร ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ อย่างเช่นเจ้าของร้านถักผมแฟชั่น ได้เปิดเผยว่ารายได้ลดลงจากเดิมไปมาก และในวันนี้ก็ยังไม่มีลูกค้ามาใช้บริการเลย และนอกจากร้านค้าแผงลอยแล้ว ร้านนวดแผนไทยเป็นอีกหนึ่งกิจการที่มีอยู่ในย่านนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งได้รับผลกระทบเช่นกัน เจ้าของร้านส่วนหนึ่งได้เปิดเผยว่า ยอดผู้เข้ามาใช้บริการ ลดลงมากถึง 90% และต้องรับภาระเพิ่มขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากมีพนักงานที่ต้องดูแล แต่ผลกำไรที่ได้ยังไม่คุ้มทุน จึงอยากให้รัฐบาลหาแนวทางช่วยเหลือ เร่งแก้ปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และมีมาตรการควบคุม หรือป้องกันโดยเร็วที่สุด เพื่อเรียกความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวกลับคืนมา
นอกจาก 2 กิจการที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว บริเวณถนนข้าวสาร ยังมีผู้ประกอบกิจการอีกหลากหลายอาชีพ ทั้งร้านอาหาร สถานบันเทิง โรงแรม ที่พักอาศัย รวมถึงรถโดยสารอย่างตุ๊กตุ๊ก และรถแท็กซี่ ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
ด้านคุณปิยะบุตร จิวรโมไนย์กุล นายกสมาคมผู้ประกอบการค้าถนนข้าวสาร ได้เปิดเผยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า ยอดขาย หรือรายได้ของผู้ประกอบการในพื้นที่ถนนข้าวสารนี้ หดหายไปจากเดิมมาก ถ้านับเป็นเงินแล้วคงไม่ต่ำกว่า 1 ร้อยล้านบาท ซึ่งกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการอย่างแน่นอน ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาในขณะนี้ เบื้องต้นทางสมาคมพยายามเป็นตัวกลางในการพูดคุยขอความร่วมมือ ระหว่างเจ้าของสถานที่ปล่อยเช่า กับผู้ประกอบกิจการ ช่วยลดค่าใช้จ่าย หรืองดเก็บค่าเช่าในช่วงนี้ ส่วนการขอความช่วยเหลือทางภาครัฐ ทางสมาคมจะพิจารณาถึงข้อเรียกร้องที่จะเสนออีกครั้ง
นอกจากนี้ บริเวณซอยรามบุตรี ย่านบางลำพู ถนนพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีผู้ประกอบกิจการเปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก ต่างก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน บางร้านถึงขั้นต้องปิดตัวลงชั่วคราว เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการอีกด้วย
ขอขอบคุณ “พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์” เอื้อเฟื้อสถานที่