
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดตั้งชุดปราบปรามไกด์เถื่อน ทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยว พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชนแจ้งเบาะแสผู้กระทำผิด ชี้มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
ตามที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีนโยบายขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเน้นย้ำเรื่อง ความปลอดภัย (Safety) ความสะอาด (Clean) ความเป็นธรรม (Fair) การกระจายรายได้สู่ชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำ และการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และรักษาสิ่งแวดล้อม (Sustainability) เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการของทุกภาคส่วนของการท่องเที่ยว ซึ่งรวมถึงนโยบายในการยกระดับอาชีพมัคคุเทศก์ให้มีคุณภาพ และศักดิ์ศรีในการประกอบอาชีพ ให้ได้รับการยอมรับทัดเทียมกับอาชีพอื่นๆ ประกอบกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจของโลกท่ามกลางสงครามการค้า และการแข่งขัน โดยหันมาสนใจกับการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว เกิดรูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพการให้บริการด้านการท่องเที่ยวของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และการใช้บริการมัคคุเทศก์ที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยกรมการท่องเที่ยว เห็นว่าจากสภาวการณ์ดังกล่าว อาจจูงใจให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวบางราย ใช้มัคคุเทศก์ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย (ไกด์เถื่อน) หรือการใช้บริการมัคคุเทศก์คุณภาพทางภาษาต่ำทำหน้าที่มัคคุเทศก์ (Sitting Guide) มาแย่งอาชีพของมัคคุเทศก์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือมัคคุเทศก์มีคุณภาพ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ ดังนั้น เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ไม่ให้เกิดปัญหาการหลอกลวงนักท่องเที่ยว และยกระดับอาชีพมัคคุเทศก์ให้ได้รับการยอมรับจึงใช้มาตรการเข้มงวดในการปราบปรามมัคคุเทศก์ผิดกฎหมาย (ไกด์เถื่อนทั้งชาวไทย และต่างชาติ) อย่างเด็ดขาด และจะดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่ว่าจ้างมัคคุเทศก์เถื่อนด้วย
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ มัคคุเทศก์ ประชาชน และนักท่องเที่ยวทั่วไป ในการให้เบาะแสถึงการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว โดยชุดเฉพาะกิจปราบปรามมัคคุเทศก์เถื่อน จะได้เร่งปฏิบัติการปราบปรามกรณีดังกล่าวอย่างจริงจัง และดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด โดยผู้กระทำความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์โดยไม่มีใบอนุญาต จะถูกดำเนินคดีตามมาตรา86 ประกอบมาตรา49 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ