จากสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในประเทศจีน ที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตในหลายประเทศ ล่าสุด กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงคมนาคม จับมือเครือข่ายแท็กซี่ในการ “ตรวจสุขภาพแท็กซี่ ท่องเที่ยวมั่นใจ ปลอดภัย ปลอดโรค” พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อตรวจสุขภาพผู้ขับขี่รถแท็กซี่ สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว และประชาชน
นายทวีศักดิ์ วาณิชย์เจริญ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม จับมือเครือข่ายแท็กซี่ ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อตรวจสุขภาพผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ภายใต้แนวคิด “ตรวจสุขภาพแท็กซี่ ท่องเที่ยวมั่นใจ ปลอดภัย ปลอดโรค” ในการตรวจสุขภาพผู้ขับขี่รถแท็กซี่ เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกันโรค และภัยสุขภาพ รวมถึงอุบัติเหตุบนท้องถนน เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการสาธารณสุข สร้างความปลอดภัย ความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ ตลอดจนพัฒนาคุณภาพบริการขนส่งสาธารณะ เพื่อให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ได้ทราบสถานะสุขภาพของตนเอง และมีความรู้ในการดูแลสุขภาพ ทั้งโรคความดันโลหิตสูง โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เพื่อใช้ป้องกันตนเองจากโรคติดต่อสำคัญ รวมถึงได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการบูรณาการความร่วมมือในการป้องกันควบคุมโรคกลุ่มผู้ขับขี่ และผู้โดยสารรถแท็กซี่ ประจำปี2563 ที่โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (27 ม.ค. 63)
สำหรับในปีนี้ จะให้บริการตรวจสุขภาพแก่ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวนกว่า 3,000 คน ประกอบด้วย การตรวจสุขภาพเบื้องต้น ,การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ,เอกซเรย์ปอด และทดสอบการมองเห็นระยะไกล หากพบว่ามีอาการเจ็บป่วย ก็จะได้ส่งตัวไปดูแลรักษาต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มากกว่า 350,000 ราย หรือร้อยละ 34 และจากผลการตรวจคัดกรองภาวะสุขภาพของกลุ่มผู้ขับรถโดยสารสาธารณะของกรุงเทพมหานคร ในปี2559 พบผู้ป่วยวัณโรค ร้อยละ 2 และเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
โดยอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับการตรวจสุขภาพผู้ขับขี่ในครั้งนี้ นอกจากผู้ขับขี่ได้รับการประเมินสุขภาพ สร้างภูมิคุ้มกันให้มีสุขภาพที่ดีแล้ว ยังสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสารว่าจะไม่ได้รับเชื้อโรคจากการใช้บริการรถสาธารณะ ซึ่งทำให้เกิดความมั่นใจทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ส่วนในเรื่องของการใช้หน้ากากอนามัย ที่ตอนนี้สินค้าขาดตลาด และมีความต้องการเป็นจำนวนมากนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการนำเข้า เนื่องจากหน้ากากบางชนิดเป็นวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งทาง อย. กำลังดำเนินการ และจะเอื้อต่อการนำเข้าให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย นอกจากนี้ ทางกองสาธารณสุขฉุกเฉิน ได้ลงพื้นที่สำรวจหน้ากากอนามัยชนิดต่างๆ ในสถานพยาบาล และโรงพยาบาล เพื่อให้มีความเพียงพอต่อการใช้งาน อย่างไรก็ตาม ต้องขอวิงวอนประชาชนอย่าตื่นตกใจ หากประเมินความเสี่ยงตนเองไม่ได้สัมผัสกับโรคโดยตรง การใช้หน้ากากอนามัยธรรมดาก็ป้องกันได้ ซึ่งทางกรมควบคุมโรค ได้ประชาสัมพันธ์ไว้ในช่องทางต่างๆ ซึ่งสามารถเข้าไปศึกษาวิธีการทำได้